เสน่ห์ของการทำธุรกิจ “อสังหาริมทรัพย์” คือการพัฒนาให้สวยงามดุจ “ดาวค้างฟ้า” ประดับเมืองไทย! ทั้งยังเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างปลอดภัยและมีความเสี่ยงต่ำหากทำตามสูตร แต่พลิกแพลงในเชิงคอนเซปต์เพื่อจับตลาดอย่างถูกต้อง
นี่คือแนวคิดการทำธุรกิจของ “ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโคป จำกัด ผู้คร่ำหวอดในวงการอสังหาฯ มายาวนาน กระทั่งตัดสินใจเปิดตัว “สโคป” (SCOPE) เมื่อปี 2562 ประลองยุทธ์ด้วยเพลงกระบี่มุ่งฉีกแบบแผนการพัฒนาที่อยู่อาศัยในรูปแบบเดิม! พร้อมมุ่งสู่ “ไลฟ์สไตล์แบรนด์” มัดใจลูกค้า “อินเตอร์เนชั่นแนล พรีเมียม” กลุ่มเป้าหมายหลัก
แล้วสูตรการพัฒนาอสังหาฯ สไตล์ ยงยุทธ์ ให้ฉีกจากรูปแบบเดิมๆ เป็นอย่างไร? เขาเฉลยว่า บริษัทนี้ตั้งมาจากกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เรา “สโคป” หรือตีขอบเขตไว้ชัดเจน เรามั่วเรื่องนี้ไม่ได้! พอเรามองเห็นลูกค้ากลุ่ม “อินเตอร์เนชันแนล พรีเมียม” ซึ่งให้นิยามว่าเป็น “กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เห็นโลกมามาก” มีความชอบและรสนิยมที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะกระแสหลักในประเทศ มองหาที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐานระดับอินเตอร์ฯ
ด้วยการนำเสนอเรื่องคุณภาพและความแตกต่างให้กับตลาด กล้าทำ กล้าคิดใหม่ กล้านำเสนอ “สิ่งที่แตกต่าง” ในวงการอสังหาฯ ด้วยการระดมความร่วมมือกับ “พันธมิตรมือทอง” ด้านการออกแบบและสร้างแบรนด์จากทั่วทุกมุมโลก เช่น นิวยอร์ก แคลิฟอร์เนีย ลอนดอน โรม อาร์เจนตินา และบราซิล
บนพื้นฐาน 3 ปัจจัยในการพัฒนาอสังหาฯที่ต้องลงดีเทลอย่างหนัก ไล่เลียงตั้งแต่ “โลเกชันยอดเยี่ยม” ตามด้วย “ดีไซน์ยอดเยี่ยม” จีบดีไซเนอร์ให้ตอบโจทย์การออกแบบของแต่ละโครงการ และ “การให้บริการที่ตอบไลฟ์สไตล์ของลูกค้า” ถือเป็นจุดละเอียดอ่อนที่สุด บริการหลังการขายจึงเป็นจุดที่เราให้ความสำคัญอย่างยิ่ง มุ่งยกระดับเป็น Serviced Condominium
“สโคปเสมือนบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ที่ตั้งขึ้นมาใหม่ก็จริง แต่ผมกับทีมงานอยากทำให้ทุกโครงการเป็นเหมือนงานศิลปะ เพราะเมื่อเป็นงานศิลปะ จะได้รับการสะสมและดูแลเป็นอย่างดี ส่งผลให้มีมูลค่าเพิ่มตามมา เป้าหมายที่ผมวาดไว้ คืออยากเป็นศิลปินในวงการอสังหาฯ”
แนวคิดเหล่านี้สะท้อนชัดผ่าน 2 โครงการแรก “สโคป หลังสวน” มูลค่าโครงการ 9,000 ล้านบาท เปิดตัวเมื่อปี 2562 จะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2565 ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 41% ซึ่งถือเป็นยอดขายที่ทำได้ดีทีเดียวในสถานการณ์โควิด-19 ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าคนไทย มีลูกค้าชาวต่างชาติประมาณ 10% เป็นเอ็กซ์แพท
งานนี้ ยงยุทธ สวมหมวกเป็นพนักงานขายเอง “หมัดฮุค” ที่ใช้ในการสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าในการตัดสินใจซื้อคอนโดฯระดับอัลตร้าลักชัวรี ราคายูนิตละ 40-240 ล้านบาทนั้น คือคอนโดฯ นี้ตั้งอยู่บนที่ดินฟรีโฮลด์ใน “ย่านเพลินจิต” ที่ได้ชื่อว่าราคาที่ดินแพงที่สุดในไทย!! เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก ที่เหลือลูกค้าเขาไปทำการบ้านเพิ่มเองอยู่แล้ว
ส่วนโครงการที่ 2 “สโคป พร้อมศรี” คอนโด 8 ชั้น ตั้งอยู่ในซอยพร้อมศรี โลเกชัน “ฮิปที่สุด” ในไทย! เชื่อมระหว่างย่านพร้อมพงษ์ (สุขุมวิท 39) กับย่านทองหล่อ (สุขุมวิท 55) มูลค่าโครงการ 1,097 ล้านบาท เปิดตัวเมื่อปี 2564 จะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปีนี้เช่นกัน ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 50% จากคนไทยล้วนๆ เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุน้อยที่ต้องการไลฟ์สไตล์สดใหม่ เหมือนได้ออกไปผจญภัย
“ปี 2565 บริษัทฯตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้จากการโอนทั้งหมดกว่า 5,000 ล้านบาท จากโครงการ สโคป หลังสวน 4,319 ล้านบาท และสโคป พร้อมศรี 681 ล้านบาทจากข้อมูลพบว่าลูกค้าของสโคปในรอบปีที่ผ่านมา มีลูกค้าอายุต่ำกว่า 30 ปี สัดส่วน 23% และอายุ 31-35 ปี สัดส่วน 32% ยิ่งไปกว่านี้เป็นลูกค้ากลุ่มที่ซื้อคอนโดเป็นครั้งแรกถึง 55% เป็นเรียลดีมานด์ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงๆ ไม่ใช่เพื่อเก็งกำไร สะท้อนถึงการพัฒนาโครงการที่แตกต่างและกระชากใจลูกค้า”
บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวอีก 2 โครงการใหม่ ได้แก่ “สโคป เดอะ เพนต์เฮาส์” บนถนนสุขุมวิทติดสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ มูลค่าโครงการ 2,720 ล้านบาท เตรียมเปิดตัวในปี 2565 จะแล้วเสร็จในปี 2567 โดยเป็นโครงการที่มีมูลค่าเฉลี่ยต่อยูนิตกว่า 140 ล้านบาท และมีเพียง 20 ยูนิตเท่านั้น ได้รับการออกแบบภายในรวมถึงให้คำปรึกษาการออกแบบทั้งหมดโดย โทมัส ยูล-ฮันเซน ดีไซเนอร์ผู้ออกแบบอาคารระดับโลก
“สโคปตั้งเป้ายอดพรีเซลของปี 2565 จากทั้ง 3 โครงการข้างต้นที่ 3,035 ล้านบาท จาก สโคป หลังสวน 2,102 ล้านบาท สโคป พร้อมศรี 424 ล้านบาท และ สโคป เดอะ เพนต์เฮาส์ 509 ล้านบาท”
ส่วนโครงการที่ 4 “สโคป สุขุมวิท 23” มูลค่าโครงการ 2,650 ล้านบาท จะเปิดตัวในปี 2567 แล้วเสร็จปี 2568 และเมื่อรวมมูลค่าทั้ง 4 โครงการของบริษัทฯ อยู่ที่กว่า 15,000 ล้านบาท!
“สโคป” ปักหมุด Lifestyle Company เต็มตัว! เป็น Lifestyle Brand ที่มากกว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์
อ้างอิง
https://www.bangkokbiznews.com/business