เซี่ยงไฮ้ ออโต้โชว์ 2025: จีนแสดงศักยภาพผู้นำ EV โดย BYD พร้อมนวัตกรรมขับเคลื่อนโลก

ข่าวด่วนวันนี้ (ข่าวทั่วไทย)

มหกรรมยานยนต์ระดับโลกอย่าง “เซี่ยงไฮ้ ออโต้โชว์ 2025” (Shanghai International Automobile Industry Exhibition) ครั้งที่ 21 ได้เปิดม่านขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ภายใต้แนวคิด “Embracing Innovation, Empowering the Future” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของวงการยานยนต์จีนที่มุ่งสู่อนาคตแห่งนวัตกรรมและความยั่งยืน งานมหกรรมครั้งนี้ได้รวบรวมผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำและบริษัทที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมยานยนต์กว่า 1,000 ราย จาก 26 ประเทศทั่วโลก มาร่วมแสดงศักยภาพบนพื้นที่จัดงานอันกว้างขวางกว่า 360,000 ตารางเมตร ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมแห่งชาติ นับเป็นงานที่มีขนาดใหญ่กว่าบางกอกมอเตอร์โชว์ของไทยที่จัดที่อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 และ ฟอรั่ม ฮอลล์ 4 ซึ่งใช้พื้นที่เพียง 75,000 ตารางเมตร ถึง 5 เท่า

BYD แสดงศักยภาพผู้นำตลาด EV จีน

ในงานนี้ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าชั้นนำของจีนอย่าง BYD (Build Your Dreams) ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าโลกอย่างชัดเจน โดยได้นำทุกแบรนด์ในเครือมาร่วมจัดแสดงเทคโนโลยีล้ำสมัย แบ่งพื้นที่จัดแสดงออกเป็นหลายส่วน ทั้งกลุ่ม Dynasty & Ocean Series และแบรนด์พรีเมียมอย่าง Fangchengbao, DENZA และ YANGWANG ซึ่งแต่ละแบรนด์ได้นำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยสู่สายตาผู้เข้าชมงาน

ไฮไลต์สำคัญของบูธ BYD คือการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่น โดยเฉพาะ YANGWANG U8L เอสยูวีฟูลไซส์ ปลั๊ก-อินไฮบริด ที่มาพร้อมสมรรถนะสูงและเทคโนโลยีล้ำสมัย รวมทั้ง DENZA Z ซีดานแฟลกชิปโมเดลรุ่นใหม่ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์หรูหราและประสิทธิภาพการขับขี่ระดับพรีเมียม ขณะที่ Fangchengbao ก็ได้เปิดตัว BAO 3 (Titanium 3) ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร

นอกจากนี้ ในส่วนของ BYD Ocean Series ยังได้เปิดตัว SEAL 06 Touring และ SEAL 06 EV รุ่นใหม่ ส่วน Dynasty Series ก็ได้เผยโฉมรถต้นแบบ Dynasty-D ที่แสดงให้เห็นถึงทิศทางการออกแบบในอนาคตของค่าย สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ของ BYD ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มในตลาดโลก

นวัตกรรมระบบขับขี่อัจฉริยะ DiPilot และ God’s Eye

BYD ยังได้นำเสนอระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ DiPilot Intelligent Driving System พร้อมเทคโนโลยี God’s Eye ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งในรถยนต์ BYD ทุกรุ่น โดยแบ่งออกเป็น 3 รุ่นหลัก ได้แก่ God’s Eye C, God’s Eye B และ God’s Eye A เพื่อให้เหมาะสมกับรถยนต์แต่ละระดับ

ระบบ God’s Eye นี้เป็นการผสานการทำงานของเทคโนโลยีหลายชนิดเข้าด้วยกัน ทั้งไลดาร์ (LiDAR) เรดาร์ (Radar) ที่ทำงานร่วมกับเซนเซอร์และกล้องหลากหลายประเภท พร้อมชิพประมวลผลขั้นสูง เพื่อให้การทำงานของระบบมีความแม่นยำและเสถียรภาพสูง สามารถตรวจจับวัตถุและสิ่งกีดขวางบนท้องถนนได้อย่างแม่นยำ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวมถึงยกระดับประสบการณ์การขับขี่ให้สะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้น

เทคโนโลยีการชาร์จแบบ Megawatt และนวัตกรรมโดรนในรถยนต์

หนึ่งในเทคโนโลยีที่สร้างกระแสในวงการยานยนต์ไฟฟ้าช่วงต้นปีที่ผ่านมาและได้รับความสนใจอย่างมากในงานนี้ คือการเปิดตัวเทคโนโลยีชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบ Megawatt Fast Charging ของ BYD ซึ่งเป็นระบบการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงที่รองรับการถ่ายโอนประจุได้อย่างรวดเร็ว มีแรงเสียดทานภายในต่ำลง ส่งผลให้สามารถชาร์จรถได้รวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่า

เทคโนโลยีนี้สามารถรองรับแรงดันไฟฟ้าสูงสุดถึง 1,000 โวลต์ กระแสไฟ 1,000 แอมป์ และกำลังไฟระดับ 1,000 กิโลวัตต์ (kW) ซึ่งช่วยลดเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ลงอย่างมาก และเป็นการแก้ไขปัญหาหลักของยานยนต์ไฟฟ้าที่ต้องใช้เวลานานในการชาร์จแบตเตอรี่ การพัฒนาเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าสะดวกสบายยิ่งขึ้น และลดข้อจำกัดด้านระยะทางการเดินทาง

นอกจากนี้ BYD ยังได้นำเสนอนวัตกรรมโดรนในรถยนต์ ซึ่งเป็นระบบที่มีแท่นปล่อยโดรนติดตั้งอยู่บนหลังคารถ โดรนดังกล่าวติดตั้งกล้องความชัดระดับ 4K และสามารถบินออกจากรถยนต์ในขณะที่ขับขี่ได้ ด้วยความเร็วไม่เกิน 25 กม./ชม. โดรนนี้ยังสามารถบินกลับมาลงจอดอัตโนมัติในรัศมี 2 กม. และบินตามรถยนต์ด้วยความเร็วสูงสุด 54 กม./ชม. ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการทำงานของโดรนผ่านหน้าจอสัมผัสในรถ หรือผ่านแอพพลิเคชัน Ling Yuan ในโทรศัพท์มือถือได้อย่างสะดวก

เทคโนโลยี Dual Mode เจเนอเรชัน 5 และแพลตฟอร์ม e³

BYD ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยี Dual Mode (รถปลั๊กอินไฮบริด-PHEV) อย่างต่อเนื่อง โดยในงานนี้ได้เปิดตัวเทคโนโลยี Dual Mode เจเนอเรชัน 5 ซึ่งเป็นการผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ และเครื่องยนต์สันดาปภายในเข้าด้วยกัน โดยใช้เครื่องยนต์เป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อนและชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดการปล่อยมลพิษ ทำให้รถยนต์มีระยะทางการวิ่งที่ไกลขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้น

นอกจากนี้ BYD ยังได้พัฒนาแพลตฟอร์ม e³ Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ โดยติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว สำหรับรถยนต์ทั้งแบบ PHEV และ EV แพลตฟอร์มนี้ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่สำหรับขับเคลื่อนล้อหน้า และมอเตอร์อีกหนึ่งตัวสำหรับบังคับเลี้ยวล้อหลังอย่างอิสระ ทำให้รถยนต์มีการตอบสนองที่รวดเร็ว ควบคุมได้แม่นยำ และมีเสถียรภาพสูงในทุกสภาวะการขับขี่

สรุป

เซี่ยงไฮ้ ออโต้โชว์ 2025 นับเป็นเวทีสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์จีน โดยเฉพาะ BYD ที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดยานยนต์พลังงานไฟฟ้าโลก ด้วยการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ทั้งระบบขับขี่อัจฉริยะ เทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง นวัตกรรมโดรนในรถยนต์ และแพลตฟอร์มขับเคลื่อนรุ่นใหม่

การเติบโตอย่างรวดเร็วของ BYD และผู้ผลิตรถยนต์จีนรายอื่นๆ ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์จีนเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์โลกที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคของยานยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ

สำหรับงานเซี่ยงไฮ้ ออโต้โชว์ 2025 นี้ เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน ถึงวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมแห่งชาติ เซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน