ธอส.จับตาลูกหนี้ 2 หมื่นล้านเสี่ยงเป็น NPL คาดดอกเบี้ยขาขึ้น

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

ธอส.คาดปี’65 ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ชี้หากปรับดอกเบี้ยบ้าน 0.25% จ่ายเงินงวดเพิ่มล้านละ 500 บาท/งวด ครั้งแรกในรอบ 10 ปี เผยลูกค้าในพอร์ต 35% โดนกระทบ จับตาลูกหนี้ 2 หมื่นล้านบาท เสี่ยงเป็นหนี้เสีย เห็นความชัดเจน มี.ค.นี้ พร้อมตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญ 1.11 แสนล้านบาท

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ในปี 2565 เป็นปีที่มีแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น จากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และส่งผลให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นด้วย แม้ว่าในช่วงแรกจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน แต่ระยะต่อไปจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบติดกัน 2-3 หน ซึ่งจะทำให้ธนาคารมีการปรับเงินงวดในรอบกว่า 10 ปี โดยคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อลูกค้าในพอร์ตสินเชื่อกว่า 35% จากจำนวนทั้งหมด 1.4 ล้านล้านบาท

“ลูกค้าจำนวน 35% ในพอร์ตสินเชื่อดังกล่าว แบ่งเป็นผู้มีรายได้ประจำ และอาชีพอิสระ ซึ่งกลุ่มมีรายได้ประจำคาดว่ายังมีความสามารถในการชำระหนี้ต่อไปได้ แต่กลุ่มที่น่ากังวลคืออาชีพอิสระ เนื่องจากจะต้องจ่ายเงินงวดที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าหากมีการปรับดอกเบี้ยบ้านขึ้น 0.25% จะทำให้ทุก ๆ เงินกู้จำนวน 1 ล้านบาท มีการจ่ายเงินงวดเพิ่มขึ้นในอัตรา 500 บาทต่องวด”

อย่างไรก็ดี ธอส.จะพยายามขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามทิศทางตลาดให้ช้าที่สุด เพื่อบรรเทาภาระการชำระหนี้ของประชาชน โดยได้มีการเตรียมรับมือไว้ว่ามีแผนระดมทุนไม่ให้กระทบกรณีดอกเบี้ยขาขึ้น วงเงินรวม 76,000 ล้านบาท เช่น การออกสลากออมทรัพย์ ระดมเงินฝากประจำ และยังมีแผนออกพันธบัตรหุ้นกู้ เป็นต้น

โดยในปีนี้ตั้งเป้าจะออกสลากออมทรัพย์ ธอส. วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท ให้อัตราดอกเบี้ยสูง เพื่อระดมทุนไปปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มขาขึ้น ฉะนั้น ผู้ที่มีเงินออมก็จะได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่สูง ขณะที่ผู้ซื้อบ้าน ก็จะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ โดยส่วนนี้จะออกมาในช่วงสงกรานต์ เพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชนด้วย

นายฉัตรชัยกล่าวว่า และในปี 2565 ธอส.ได้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มขึ้น 3% จากปี 2564 ที่ทำได้ 2.47 แสนล้านบาท โดยมีสินเชื่อบ้านล้านหลัง เฟส 2 วงเงินรวม 2 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันอนุมัติไปแล้ว 7,174 ราย วงเงิน 6,093 ล้านบาท ส่วนนี้การชำระเงินงวดไม่เพิ่ม 7 ปี

นอกจากนี้ ยังมีสินเชื่อที่จะร่วมกับกรมธนารักษ์ ที่ยังมีโครงการสร้างที่อยู่อาศัยให้กับผู้สูงอายุ โครงการข้าราชการ และการเคหะแห่งชาติ โดย ธอส. ได้เตรียมวงเงินไว้ 2,000 ล้านบาท ส่วนนี้จะเป็นแผนสำหรับช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ซึ่งจะมีการเสนอนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่ออนุมัติการดำเนินการอีกครั้ง

ขณะที่สัญญาณหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2564 อยู่ที่ระดับ 4% อย่างไรก็ดี ขณะนี้ ธอส.ยังมีลูกค้าที่มีสัญญาณเป็นหนี้เสีย รวม 2 หมื่นล้านบาท จากลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการพักหนี้ แต่ไม่ได้มาติดต่อที่แบงก์ 1.1 หมื่นล้านบาท และอีก 9,000 ล้านบาท เข้ามาติดต่อที่แบงก์แล้ว แต่ยังไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ โดยกลุ่มนี้จะทยอยเป็นหนี้เสีย โดยเห็นตัวเลขทั้งหมดช่วงเดือน มี.ค. 2565

อย่างไรก็ดี ในช่วงเดือน ม.ค. 2565 มี NPL จากกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้นมาเพียง 1,000 ล้านบาท ซึ่งยังน้อยกว่าที่ ธอส.ประเมินไว้อยู่ และ ธอส.ก็ได้มีการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญกว่า 111,827 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.93%

ทั้งนี้ ในปี 2565 ธอส.จะยกระดับกระบวนการปฏิบัติงานภายในของธนาคารทั้งหมด ด้วย Digital Operation เช่น ระบบสื่อสารภายในของธนาคารผ่าน Application : WE รวมถึงระบบ Digitizer ยกระดับ Operation การทำงานที่เกี่ยวกับลูกค้า เพื่อเป้าหมายสำคัญทางด้านการเงิน และพัฒนาผู้ปฏิบัติงานสู่ People Excellence ด้วยการสร้าง Mindset บุคลากรกว่า 5,000 คน

อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance